1. กลับขึ้นด้านบน
  2. บทความพิเศษ โปรแกรมตัวอย่าง
  3. คู่มือเที่ยวปราสาทฮิเมจิ พร้อมประวัติ
2022.12.19.จันทร์ ประวัติศาสตร์

คู่มือเที่ยวปราสาทฮิเมจิ พร้อมประวัติ

Himeji Castle from the San no Maru Goten Palace (3rd Bailey Palace)

ปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่และงดงามที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิทางตะวันตกของญี่ปุ่น เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวของญี่ปุ่นยุคศักดินาในช่วงหลายศตวรรษ บทความนี้ขอแนะนำความน่าสนใจของปราสาทฮิเมจิและวิธีเที่ยวให้สนุกที่สุดกัน

เสน่ห์ของปราสาทฮิเมจิที่ต้องไปเยี่ยมชมเมื่อมาญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งใช้เทคนิคการสร้างปราสาทที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรู เนื่องจากมีลักษณะคล้ายนกกางปีกที่ยิ่งใหญ่ตระการตา จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าปราสาทฮาคุโระ (หรือปราสาทชิราซากิ ซึ่งแปลว่า “นกกระสาขาว”) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) และสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่นอีกด้วย
ภายนอกมีสีขาวไข่มุก ทางเดินที่คดเคี้ยว และการตกแต่งภายในที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ด้วยความงดงามปราณีตดังกล่าวนี้ ปราสาทฮิเมจิจึงมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดผู้คนมากมายมาเยือน นอกจากนี้ ปราสาทฮิเมจิยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวของผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้
บทความนี้ขอแนะนำจุดเด่นที่น่าสนใจของปราสาทฮิเมจิ พร้อมวิธีเที่ยวปราสาทให้สนุกมากยิ่งขึ้น

ประวัติของปราสาทฮิเมจิ

ทิวทัศน์ของปราสาทฮิเมจิที่มองจากลานบิเซ็นมารุ

ปราสาทฮิเมจิที่เห็นในปัจจุบัน สร้างและขยายพื้นที่ปราสาทโดยอิเคดะ เทรุมาซะ (ปี 1565 – 1613) ไดเมียวซึ่งเป็นซามูไรผู้มีอำนาจปกครองอาณาเขตกว้างใหญ่ จากการก่อสร้างครั้งใหญ่นี้ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี 1601 ถึง 1609 ลักษณะภายนอกของปราสาทจึงเปลี่ยนไปอย่างมาก เช่น ส่วนขยายของเท็นชุคาคุ (ป้อมปราสาท สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในพื้นที่ของปราสาท) ซึ่งเป็นส่วนตรงกลางของปราสาท ด้วยการใช้เทคนิคการป้องกันที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น ปราสาทฮิเมจิจึงกลายเป็นป้อมปราการที่สามารถต้านทานข้าศึกทุกหมู่เหล่าได้ทั้งหมด
แต่ต้นกำเนิดของปราสาทฮิเมจินั้นเก่าแก่กว่านั้น ว่ากันว่า จุดเริ่มต้นคือ ในราวปี 1333 ไดเมียวอาคามัตสึ โนริมูระได้สร้างป้อมปราการชั่วคราวด้วยเหตุผลทางยุทธศาสตร์บนภูเขาเล็กๆ ชื่อฮิเมยามะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทฮิเมจิในปัจจุบัน

กระเบื้องมุงหลังคาที่ทำจากดินเหนียวเผาวาดลวดลายผีเสื้อซึ่งเป็นตราประจำตระกูลของอิเคดะ เทรุมาซะ ไดเมียวที่ทำให้ปราสาทฮิเมจิแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ ณ ที่แห่งนี้ในปัจจุบัน

น่าแปลกที่ปราสาทฮิเมจิไม่เคยได้รับความเสียหายรุนแรงจากการถูกโจมตี ปัจจุบัน สิ่งปลูกสร้างที่ยังคงสภาพโดยไม่ถูกแตะต้อง เช่น เท็นชุคาคุ และอาคาร “นิชิโนะมารุ” ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตก เป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นในยุคศักดินา ปราสาทฮิเมจิยังถูกปกครองโดยบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นอย่างตระกูลโทคุกาวะ กระเบื้องมุงหลังคาของปราสาทฮิเมจิทำจากดินเหนียวเผาจะมีตราประจำตระกูลของผู้ปกครองปราสาทรุ่นก่อนๆ อยู่ (ดูภาพด้านบน)
แม้การปฏิรูปสมัยเมจิจะทำให้บทบาททางทหารและการเมืองของฮิเมจิสิ้นสุดลง แต่ปราสาทยังได้รับการเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพเดิม จากการรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมไว้อย่างวิจิตรงดงาม ในปี 1993 ปราสาทฮิเมจิจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกอย่างเป็นทางการ
แม้กระทั่งปัจจุบัน ปราสาทฮิเมจิแห่งนี้ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและต่างชาติในฐานะมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญและมรดกทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ภายในพื้นที่ปราสาทจะมีการจัดงานอีเวนท์เป็นประจำ รวมถึงใช้ถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ด้วย
นอกจากนี้ แม้ว่าจะไม่มีปัญหาใหญ่จากความเก่าแก่ของปราสาท แต่ได้มีการบูรณะขนานใหญ่ในช่วงปี 2009 – 2015 และมีการบำรุงรักษาเป็นประจําเรื่อยมา ดังนั้น ในระหว่างการเที่ยวชม อาจพบเห็นการบูรณะซ่อมแซมเพื่อให้ปราสาทอยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ

ไปสำรวจปราสาทฮิเมจิพร้อมไกด์ภาษาอังกฤษกัน

ถนนที่มุ่งสู่เท็นชุคาคุนั้นคดเคี้ยว เป็นการจงใจสร้างเพื่อป้องกันผู้บุกรุก ทางขวามีช่องโหว่สำหรับพลปืนและพลธนู

เมื่อมองปราสาทฮิเมจิจากภายนอกดูสวยงาม แต่มีรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับพื้นที่และโครงสร้างของปราสาทที่สามารถเห็นได้ในระยะใกล้ๆ เท่านั้น ดังนั้น อย่าลืมเข้าไปชมข้างใน มีป้ายนำทางภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นติดตั้งไว้ตามเท็นชุคาคุ นิชิโนะมารุ และจุดสำคัญภายในบริเวณ แต่เนื่องจากมีจุดน่าสนใจมากมาย จึงขอแนะนำให้ใช้บริการไกด์ที่พูดภาษาอังกฤษได้
ปราสาทฮิเมจิจัดไกด์คนพื้นที่ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ไว้ กรณีที่ต้องการไกด์ภาษาอังกฤษ ไกด์ของ VEGA (Volunteer Guide Association of Himeji Castle: สมาคมมัคคุเทศก์อาสาสมัครปราสาทฮิเมจิ ) สามารถนำทางได้หากมีเวลาว่างในวันนั้น ไกด์ของที่นี่จะอยู่ใกล้ๆ ทางเข้าทุกวัน ดังนั้นหากต้องการไกด์ ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ประตูตรวจตั๋วได้ นอกจากนี้ หากต้องการไกด์ด้วยการจองล่วงหน้า สามารถกรอกข้อมูลได้ที่เว็บไซด์ i-guide

ฮิชิโนะมง (Hishinomon) ประตูที่อยู่ติดประตูทางเข้าปราสาทฮิเมจิ หน้าต่างที่ตกแต่งอย่างหรูหราเช่นนี้หาได้ยากมากสำหรับประตูปราสาทอื่นๆ

ไกด์ภาษาอังกฤษจะอธิบายลักษณะที่น่าทึ่งของพื้นที่ปราสาท เช่น กำแพงที่มีช่องโหว่ซึ่งใช้เพื่อป้องกันปราสาท และหน้าต่างที่ตกแต่งอย่างหรูหราแปลกตา พร้อมทั้งบอกเล่าประวัติและจุดเด่นของปราสาทอย่างละเอียด
ไกด์มีความรู้เต็มเปี่ยมและยินดีที่จะแบ่งปันข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ข้อมูลรายละเอียดทางสถาปัตยกรรม และข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับปราสาทที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก มีข้อมูลมากมายที่ไม่สามารถได้ยินได้ฟังจากที่อื่น ดังนั้น ท่านที่ต้องการเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับปราสาทให้ลึกซึ้ง อย่าลืมเข้าร่วมทัวร์นะ ทัวร์พร้อมไกด์นี้ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง แต่สามารถจัดเวลาตามที่ต้องการได้ เผื่อเวลาในการเข้าร่วมกันไว้ด้วยนะ

ข้อแนะนำในการเที่ยวชมปราสาทฮิเมจิ

ผนังชั้นวางอาวุธในเท็นชุคาคุของปราสาทฮิเมจิ

ปราสาทฮิเมจิกว้างใหญ่มากและมีสิ่งต่างๆ ให้ชมมากมาย จึงอาจพลาดจุดที่ต้องชมได้ง่ายๆ ดังนั้น ควรใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพโดยจำกัดการเข้าชมให้แคบลงเฉพาะจุด

ทิวทัศน์จากชั้นบนสุดที่มองเห็นชาจิโฮโกะของเท็นชุคาคุ ชาจิโฮโกะเป็นสัตว์ในตำนานที่มีครึ่งตัวเป็นปลาคาร์ป อีกครึ่งตัวเป็นเสือ ซึ่งว่ากันว่าช่วยปกป้องปราสาทจากอัคคีภัยได้

การขึ้นเท็นชุคาคุ ต้องปีนบันไดสูงชันและเพดานต่ำ แต่คุ้มค่าที่จะขึ้นไปแม้ว่ารู้สึกปวดกล้ามเนื้อบ้างก็ตาม ทิวทัศน์จากชั้นบนสุดของเท็นชุคาคุนั้นสวยงามจนแทบลืมหายใจ ทิวทัศน์ที่เห็นต่างจากสมัยเอโดะ (ปี 1603-1867) มาก แต่จากบนนี้สามารถจินตนาการได้ว่าทหารและยามกำลังคิดอะไรอยู่ นอกจากนี้ ยังสามารถมองเห็นหลังคาปราสาทฮิเมจิและเครื่องประดับต่างๆ (ภาพด้านบน) อย่างชาจิโฮโกะ สัตว์ในตำนานที่กล่าวกันว่าปกป้องปราสาทจากอัคคีภัยได้ในระยะใกล้

ลองเข้าไปในนิชิโนะมารุ (Nishinomaru)

นิชิโนมารุก็เป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดเช่นกัน นิชิโนมารุอยู่ฝั่งตะวันตกของเท็นชุคาคุซึ่งรวมอยู่ในค่าเข้าชมปราสาทแล้ว แต่ผู้มาครั้งแรกมักมองข้ามที่นี่ไป เนื่องจากทางเข้าต้องเดินแยกขึ้นไปอีกถนนหนึ่ง

Picture courtesy of Himeji Convention & Visitors Bureau

ในช่วงที่ยังไม่เกิดสงคราม นิชิโนะมารุใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยสำหรับสตรีโดยเฉพาะ สมัยเอโดะที่นี่เป็นสถานที่พำนักของเจ้าหญิงเซ็นซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะภรรยาของโทโยโทมิ ฮิเดโยริ และ (แต่งงานใหม่กับ) ฮอนดะ ทาดาโทคิ ภายในปราสาทมีวัตถุโบราณและแบบจำลองจัดแสดงอยู่ สามารถเรียนรู้ชีวิตของสตรีญี่ปุ่นในยุคระบบศักดินาได้

ทิวทัศน์ของปราสาทฮิเมจิจากนิชิโนะมารุ

ปราสาทฮิเมจิสวยทุกมุม สามารถถ่ายรูปสวยๆ ได้ จากนี้ขอแนะนำมุมและจุดถ่ายภาพสวยๆ ที่แรกคือนิชิโนะมารุ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถถ่ายภาพปราสาทในมุมที่สมบูรณ์แบบที่สุด
อีกแห่งคือลานบิเซ็นมารุ (Bizenmaru) ที่มีต้นสนอยู่ด้านหน้า นี่เป็นจุดถ่ายภาพแนะนำซึ่งสามารถถ่ายภาพปราสาทกับต้นไม้สีเขียวได้ อย่าลืมนำกล้องไปถ่ายภาพที่ปราสาทฮิเมจิซึ่งสวยงามทุกครั้งที่มาเที่ยวชมนะ

บริเวณรอบๆ ปราสาทฮิเมจิ

ถนนโอเทมาเอะ (Otemae-dori) และปราสาทฮิเมจิที่ถ่ายจากสถานีฮิเมจิ ถนนเส้นใหญ่ทอดยาวไปถึงบริเวณใกล้เคียงปราสาท เดินสะดวกมาก

พื้นที่ของปราสาทฮิเมจิและคูน้ำเพื่อป้องกันข้าศึกบุกรุก แต่ก่อนเคยทอดยาวไปจนถึงสถานี JR ฮิเมจิในปัจจุบัน
ปัจจุบัน บริเวณนี้มีถนนสายชอปปิงใหญ่ๆ หลายสาย อย่างถนนโอเทมาเอะซึ่งทอดจากสถานีฮิเมจิไปถึงปราสาทฮิเมจิ ถนนมิยูกิ (Miyuki-dori) และถนนโอมิโซ (Omizo-dori) ซึ่งเป็นโชเท็นไก (ย่านชอปปิง) ในร่มที่ขนานกับถนนโอเทมาเอะ ถนนทั้งสามสายนี้เต็มไปด้วยร้านค้าที่มีเสน่ห์ ร้านอาหารท้องถิ่น และร้านอิซากายะที่สนุกสนาน เหมาะสำหรับการเดินเล่นยามบ่ายหรือเย็นหลังเที่ยวชมปราสาทแล้ว
บริเวณใกล้เคียงปราสาทฮิเมจิยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น โคโคะเอ็น (Koko-en Garden) สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่ซามูไรเคยอาศัยอยู่ และสวนสัตว์ประจําเมืองฮิเมจิ (Himeji City Zoo) ใกล้ๆ กันยังมีหอศิลป์ประจำเมืองฮิเมจิ (Himeji City Museum of Art) ส่วนตรงข้ามปราสาทมีร้านขายขนมและของฝากตั้งอยู่มากมาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อของไปเป็นที่ระลึก

การเดินทางไปยังปราสาทฮิเมจิ

ทิวทัศน์ของปราสาทฮิเมจิและทางเข้าจากถนนโอเทมาเอะ

ปราสาทฮิเมจิสามารถเดินจากสถานีฮิเมจิมา 15 – 20 นาที หรือนั่งรถประจำทางต่อเดียวถึง นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางมาสถานีฮิเมจิได้ง่ายๆ ด้วยรถไฟด่วนและรถไฟชินคันเซ็น
กรณีนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากเกียวโต (Kyoto) จะใช้เวลาจากสถานีเกียวโตถึงสถานีฮิเมจิราว 40 นาที ส่วนกรณีนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากโอซาก้า (Osaka) จะใช้เวลาจากสถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ถึงสถานีฮิเมจิราว 30 นาที รถไฟชินคันเซ็นที่จอดสถานีฮิเมจิจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตารางเวลาและช่วงเวลา ดังนั้นกรุณาตรวจสอบก่อนล่วงหน้า
หากไม่ใช้รถไฟชินคันเซ็น สามารถใช้รถไฟ JR ด่วนพิเศษ (JR Special Rapid Service) โดยจากโอซาก้าไปถึงสถานีฮิเมจิจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง และจากเกียวโตจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง

ไปสัมผัสเสน่ห์ของปราสาทฮิเมจิกัน

ปราสาทฮิเมจิที่มองจากจุดที่เคยเป็นพระราชวังซันโนะมารุ (Sannomaru Goten หรือ 3rd Bailey Palace)

ปราสาทฮิเมจิเป็นสถานที่ซึ่งจะได้เห็นความชำนาญในการสร้างปราสาทของญี่ปุ่น เช่น ผนังสีขาวราวกับไข่มุก ทางเดินคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต และสถาปัตยกรรมที่ละเอียดปราณีต ปราสาทนกกระสาขาวมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนต่างๆ ให้มาเยือนครั้งแรกและเป็นครั้งที่ 10
ปราสาทฮิเมจิยังมีกิจกรรมและนิทรรศการต่างๆ ที่จัดขึ้นเป็นประจำตลอดทั้งปี เช่น งานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่สามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระที่ประดับไฟไลท์อัพในยามค่ำคืน และงานเทศกาลต้นฤดูใบไม้ร่วงยามค่ำคืน ให้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของปราสาทได้อย่างเต็มที่
ปี 2023 ปราสาทฮิเมจิจะฉลองครบรอบ 30 ปีที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงมีแผนการจัดงานต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบนี้เป็นต้นว่าการเปิดให้เข้าชมปราสาทฮิเมจิเป็นพิเศษ ดังนั้น อย่าพลาดโอกาสพิเศษนี้

ปราสาทฮิเมจิ ที่เป็นมรดกโลกและสมบัติของญี่ปุ่น

*เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ

ดูบทความพิเศษและโปรแกรมตัวอย่างอีก

บทความยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง