1. กลับขึ้นด้านบน
  2. บทความพิเศษ โปรแกรมตัวอย่าง
  3. ไปสัมผัสเสน่ห์ของวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิในฮิเมจิ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai กัน
2023.01.20.ศุกร์ ประวัติศาสตร์

ไปสัมผัสเสน่ห์ของวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิในฮิเมจิ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai กัน

ไปสัมผัสเสน่ห์ของวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิในฮิเมจิ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai กัน

หากมาเที่ยวฮิเมจิ ต้องชมปราสาทฮิเมจิซึ่งเป็นมรดกโลก พร้อมแวะชมวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ วัดเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี ซึ่งใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย ที่นี่เป็นจุดเที่ยวแนะนำในฮิเมจิที่สามารถชมทิวทัศน์งามของภูเขา สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น และลิ้มรสกับโชจินเรียวริซึ่งได้รับมิชลินสตาร์ 1 ดาว

ไปชมปราสาทฮิเมจิ พร้อมกับวัดเอ็นเกียวจิกัน

หากต้องการเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมฮิเมจิให้มากยิ่งขึ้น ขอแนะนำให้ไปปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดคลาสสิก พร้อมกับวัดเอ็นเกียวจิกัน

วัดเอ็นเกียวจิเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตในหมู่แฟนๆ ที่สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามของฮิเมจิและสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

บทความนี้ขอแนะนำเสน่ห์ของวัดเอ็นเกียวจิ ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่องเนื่องจากความงดงามของวัดแห่งนี้

ปราสาทฮิเมจิที่ทำให้นึกถึงนกกระสาขาวโบยบิน

จากโอซาก้า (Osaka) หรือเกียวโต (Kyoto) ไปยังสถานีฮิเมจิ (Himeji) ใช้เวลาเดินทางราว 30 ถึง 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ เช่น JR Line, รถไฟซันโย (Sanyo Electric Railway) และรถไฟชินคันเซ็น และเดินจากสถานีฮิเมจิราว 20 นาที ก็จะถึงปราสาทฮิเมจิซึ่งเป็นมรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของฮิเมจิ เนื่องจากมีลักษณะคล้ายนกกระสาสีขาวกางปีกพร้อมโบยบิน จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ปราสาทฮาคุโระ (หรือปราสาทชิราซากิ ซึ่งแปลว่า “นกกระสาขาว”)

รูปลักษณ์ที่งามสง่าของปราสาทฮิเมจิสะกดสายตาของผู้ที่พบเห็น ทำให้ผู้คนมากมายในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์หลงใหลหนึ่งในนั้นคือ คุโรซาวะ อากิระ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อก้องโลก ปราสาทฮิเมจิจึงปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ต่างๆ ของเขา เช่น รัน (Ran) และ จอมทัพคาเกมูชา (Kagemusha มีความหมายว่า นักรบเงา)

วัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ ที่เหมือนหลงเข้าไปในโลกของภาพยนตร์ชิ้นเอก

วัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ (Shoshazan Engyoji Temple) ซึ่งอยู่ใกล้กับปราสาทฮิเมจิ เป็นจุดท่องเที่ยวที่ต้องแวะเมื่อมาเที่ยวในฮิเมจิ

วัดเอ็นเกียวจินี้ตั้งอยู่บนยอดเขาโชชะ (Mt. Shosha) เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากทั่วทุกมุมโลกเช่นกัน

วัดเอ็นเกียวจิใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศมากมายหลายเรื่อง เช่น ผลงานชิ้นโบว์แดงเรื่องมหาบุรุษซามูไร (The Last Samurai) ที่นำแสดงโดย ทอม ครูซ ดาราฮอลลีวูด และเรื่องประกาศิตหงส์สังหาร (The Assassin) ซึ่งได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

สามารถเดินทางไปวัดเอ็นเกียวจิแห่งนี้ได้ด้วยรถบัสและกระเช้าลอยฟ้าจากสถานีฮิเมจิและปราสาทฮิเมจิ

จากสถานีฮิเมจิให้ขึ้นรถบัสของบริษัทชินกิ (Shinki Bus) หมายเลข 10 มุ่งหน้าไปยังกระเช้าลอยฟ้าเขาโชชะ (Mt. Shosha Ropeway) ณ จุดขึ้นรถบัสหน้าสถานีหมายเลข 10 นั่งรถบัสไปราว 28 นาที ก็จะถึงป้าย Mt. Shosha Ropeway ป้ายที่ใกล้กระเช้าลอยฟ้าเขาโชชะที่สุด สามารถนั่งรถบัสสายนี้จากป้าย Himeji-jo Otemon-mae ที่หน้าปราสาทฮิเมจิไปได้เช่นกัน

วัดเอ็นเกียวจิสร้างขึ้นเมื่อราว 1,000 ปีก่อนโดยพระโชกุโชนิน สงฆ์นิกายเทียนไท้ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาโชชะ จากจุดขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเขาโชชะ สามารถไปยังวัดเอ็นเกียวจิบนยอดเขาได้ 2 วิธี

วิธีหนึ่งคือการขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ส่วนอีกวิธีคือปีนเขาราว 1 ชั่วโมงโดยไม่ใช้กระเช้าลอยฟ้า

หากขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปบนยอดเขา จะได้เห็นทิวทัศน์เมืองฮิเมจิจากภายในกระเช้าลอยฟ้า โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ของต้นไม้บริเวณรอบภูเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีส้ม สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนที่สวยงามจนตะลึงได้

ปี 2022 ได้มีการจัดทำ Miorosso Shosha จุดชมวิวบนยอดเขาขึ้น

จากจุดชมวิวนี้จะมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของที่ราบฮิเมจิและฮาริมานาดะได้จากระยะไกล ไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลที่มาเยือน เช่น สีเขียวขจีของฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงกัน

ที่จุดชมวิวนี้สามารถร่วม “กิจกรรมขว้างคาวาราเคะ” เป็นการโยนเครื่องปั้นดินเผาชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่าคาวาราเกะเข้าไปในกลางวงกลม ว่ากันว่าหากโยนคาวาราเคะเข้ากลางวงกลมได้ คำอธิษฐานจะเป็นจริง!

การขึ้นไปบนยอดเขาโชชะ นอกจากการใช้กระเช้าลอยฟ้าที่แนะนำไปแล้ว ยังสามารถเดินป่าปีนเขาเพื่อขึ้นไปบนยอดเขากับ Himeji Rekiyukai กลุ่มมัคคุเทศก์ท้องถิ่นได้ด้วย

การเดินป่าปีนเขาราว 1 ชั่วโมงกับไกด์ท้องถิ่นที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และข้อมูลท้องถิ่นของฮิเมจิ จะทำให้รู้ถึงเสน่ห์ของเขาโชชะและวัดเอ็นเกียวจิลึกซึ้งยิ่งขึ้น

วิหารมานิเด็นที่สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมเดียวกับวัดคิโยมิซุเดระ

เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขา จะพบวิหารมานิเด็น (Maniden) อาคารให้บรรยากาศดูเคร่งขรึม เป็นวัดที่โดดเด่น ซึ่งสร้างขึ้นบนทางลาดชันของภูเขาในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “คาเคะซึคุริ” เช่นเดียวกับวัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple) ในเกียวโต ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมหาได้ยากแม้แต่ในญี่ปุ่น

จากความสูงที่ต่างกัน เมื่อเงยหน้ามองวิหารมานิเด็นจากด้านล่าง จะรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตัวอาคารที่เหมือนกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า

ภาพยนตร์เรื่อง The Assassin ซึ่งได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ก็ถ่ายทำที่วิหารมานิเด็นแห่งนี้เช่นกัน ทางเดินไม้ของวิหารมานิเด็นที่ปรากฏในภาพยนตร์ให้ความรู้สึกถึงความเป็นวาบิซาบิ (ความงดงามที่ซ่อนอยู่ในความไม่สมบูรณ์) แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น และทำให้ภาพยนตร์มีจังหวะของเวลาที่มีเอกลักษณ์

จูเรียวอิน ร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาวบนภูเขา

Pictures courtesy of Shoshazan Engyoji Temple

เขาโชชะมีประวัติศาสตร์ยาวนานราว 1,600 ปี และมีจูเรียวอิน (Juryo-in) อาคารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญ ภายในอาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่ในปัจจุบันสร้างขึ้นในช่วงกลางสมัยเอโดะ (ปี 1603 – 1868) หลังนี้มีบริการโชจินเรียวริ (อาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากศาสนาพุทธ ไม่ใช้เนื้อสัตว์และพืชผักรสจัด) ซึ่งได้รับมิชลินสตาร์ (MICHELIN Star) 1 ดาว

Pictures courtesy of Shoshazan Engyoji Temple

โดยทั่วไปโชจินเรียวริจะใช้วัตถุดิบประเภทผัก เต้าหู้ และงาเป็นหลัก ไม่ใช้เนื้อสัตว์หรือปลาที่ต้องฆ่า คล้ายกับอาหารวีแกนที่ชาวพุทธในเอเชียรับประทานกัน กล่าวคือ เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อการรู้แจ้งที่ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ โดยการรับประทานอาหารเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

Pictures courtesy of Shoshazan Engyoji Temple

โชจินเรียวริที่จูเรียวอินมีพื้นฐานมาจากสูตรอาหารในสมัยเอโดะที่ปรากฏอยู่ในบันทึกธรรมเนียมประเพณีในวัดเอ็นเกียวจิ และได้รับการรังสรรค์เพื่อให้เหมาะกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนสมัยใหม่ โชจินเรียวริจะเสิร์ฟในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยในขณะที่ยังคงรักษาแก่นแท้ของสูตรอาหารในสมัยนั้นไว้

* ปัจจุบัน (ณ ปี 2022) โชจินเรียวริหยุดให้บริการชั่วคราว แต่มีกำหนดเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนเมษายน 2023 กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)

มิตสึโนะโด เหมือนราวกับอยู่ฉากในภาพยนตร์

มิตสึโนะโด (Mitsu-no-do) เป็นกลุ่มอาคารภายในบริเวณวัดเอ็นเกียวจิที่ได้รับได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญ มิตสึโนะโด แปลว่า “3 วิหาร” เป็นอาคาร 3 หลังที่ตั้งเรียงกันคือ ไดโกโด (Dai-ko-do), จิคิโด (Jiki-do) และโจเกียวโด (Jogyo-do) ทิวทัศน์อันงดงามแผ่กว้างเบื้องหน้ามิตสึโนะโดนี้เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวมากมาย

ผู้คนระดับมืออาชีพในแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์หลายคนมาที่วัดเอ็นเกียวจิแห่งนี้ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์และละครไทกะ (ละครย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น) ที่นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่น

จิคิโดแห่งนี้ปรากฏอยู่ในฉากที่ทอม ครูซและเคน วาตานาเบะสนทนากันในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง The Last Samurai

อาคารมี 2 ชั้น โดยชั้น 2 จะจัดแสดงสมบัติล้ำค่าของวัดเอ็นเกียวจิจั

ที่จิคิโดแห่งนี้ยังสามารถทำกิจกรรมที่เรียกว่า ฮานาบิระชาเคียว (คัดลอกพระสูตรบนกลีบดอกไม้)

เริ่มแรกให้เลือกกระดาษรูปกลีบดอกไม้ที่จะคัดลอกพระสูตรมา 1 ใบจากกระดาษสีต่างๆ 5 สี

ก่อนเริ่มคัดลอกพระสูตร ต้องทำพิธีชำระล้างจิตใจ โดยเจ้าอาวาศจะโปรยผงธูปหอมลงบนมือให้ จากนั้นให้ลูบผงธูปหอมทั่วมือเหมือนทาครีมบนมือ ธูปที่อุ่นขึ้นจากความร้อนในร่างกายเราจะส่งกลิ่นหอมยิ่งขึ้น

เมื่อกลิ่นหอมทำให้จิตใจสงบแล้ว ให้รวบรวมจิตใจตั้งสมาธิแล้วลงมือคัดลอกพระสูตรกัน เมื่อบรรจงคัดลอกตัวอักษรแต่ละตัวไปเรื่อย จะพบว่าจิตใจของเราค่อยๆ สงบและเยือกเย็นขึ้นโดยธรรมชาติ กิจกรรมนี้มีค่าใช้จ่ายครั้งละ 300 เยน (ราคารวมภาษี)

ไดโกโดอยู่ทางด้านขวาของจิคิโดใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เช่น ไดฮันเนียเท็นโดคุ (การอ่านมหาปรัชญาปารมิตาสูตร 600 ม้วนแบบเร็วในระยะเวลาสั้นๆ) ซึ่งปกติจะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม

โจเกียวโดอยู่ทางด้านซ้ายของจิคิโด ปกติไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม แต่สามารถร่วมกิจกรรมนั่งสมาธิได้โดยไม่ต้องจองเฉพาะในวันเสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน

เมื่อนั่งสมาธิเบื้องหน้าพระพุทธรูปปางสมาธิของ Joroku Amida Nyorai (พระอมิตาตถาคต สูง 6 โจหรือ 3.6 เมตร) เราจะขจัดความคิดฟุ้งซ่านและความคิดชั่วร้ายทั้่งหมดออกไป แล้วทำให้จิตใจสงบลงได้

ฮาซึกิชายะในวัดโชชาซัน เอ็นเกียวจิ ความอร่อยที่เรียบง่าย

หลังจากเดินเล่นในบริเวณวัดเอ็นเกียวจิแล้ว ก็มาแวะพักที่ฮาซึกิชายะ (Hazukichaya) จุดพักซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัด ที่นี่มีความอร่อยที่เรียบง่ายแต่ยากจะห้ามใจ เช่น เบ็นเคโนะจิคาระโมจิซึ่งเป็นวากาชิ (ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม) ที่เข้ากับบรรยากาศที่ค่อนข้างลึกลับของที่นี่ และซังไซโซบะที่ทำจากวัตถุดิบต่างๆ ที่เติบโตบนเขาตามธรรมชาติ

แต่ต้องระวังนิดหน่อย เนื่องจากเวลาที่ให้บริการปกติคือช่วง 10:00 – 16:00 น. (ปิดรับออเดอร์ 15:00 น.) หากต้องการแวะพักที่นี่ ขอแนะนำให้ไปให้เร็วหน่อย

บทส่งท้าย

ไปเยี่ยมชมวิหารมานิเด็นซึ่งชวนให้นึกถึงวัดคิโยมิซุเดระ พร้อมต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ดูขลัง หรือเดินเล่นในบริเวณวัดสัมผัสบรรยากาศลึกลับที่ส่งมาจากมิตสึโนะโดซึ่งเป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น ขณะที่สัมผัสขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมต่างๆ ของญี่ปุ่นกัน

ไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนระดับมืออาชีพในแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และเสน่ห์ของวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ ผ่านกิจกรรมคัดลอกพระสูตรแลการนั่งสมาธิกัน

เมื่อเดินทางมาถึงสถานีฮิเมจิ ก่อนอื่นขอแนะนำให้ซื้อตั๋วไปกลับสำหรับรถบัสและกระเช้าลอยฟ้าที่ BUS INFROMATION DESK (ศูนย์ข้อมูลรถบัสของบริษัทชินกิ) ที่หน้าสถานีฮิเมจิตรงข้ามทางออกทิศเหนือ หากซื้อล่วงหน้า จะคุ้มมากๆ

 

In cooperation with Shoshazan Engyoji Temple

*เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ

ดูบทความพิเศษและโปรแกรมตัวอย่างอีก

บทความยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง