ตัวอย่างคอร์สเที่ยวฮิเมจิ 2 วัน 1 คืน ไปสัมผัสความงามของญี่ปุ่นด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 กัน
INDEX
ฮิเมจิ (Himeji) ที่สามารถสัมผัสความงามและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นได้
ฮิเมจิซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่มีเสน่ห์มากที่สุดของญี่ปุ่น
มีสถานที่น่าสนใจอย่างปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ชื่อดังระดับโลก โคโคะเอ็น (Koko-en Garden) สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ (Shoshazan Engyoji Temple) ซึ่งเป็นที่สนใจของผู้ที่ชื่นชอบความงามและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ขอแนะนำให้พักค้างคืนอย่างน้อย 2 วันเพื่อดื่มด่ำกับเสน่ห์ของเมืองรอบปราสาทแห่งนี้อย่างเต็มที่
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้เวลา 2 วัน 1 คืนในเมืองรอบปราสาทที่มีเสน่ห์แห่งนี้ บทความนี้ขอแนะนำสถานที่เที่ยวที่ต้องไปชมให้ได้พร้อมวิธีเที่ยวในฮิเมจิ รวมทั้งร้านอาหารและที่พักแนะนำ
เส้นทางแนะนำสำหรับวันที่ 1
สัมผัสประวัติศาสตร์ที่ปราสาทฮิเมจิ
ปราสาทฮิเมจิซึ่งใช้เทคนิคการสร้างปราสาทที่ทันสมัยที่สุดในยุคศักดินาของญี่ปุ่น ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นปราสาทที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากมีลักษณะคล้ายนกกระสาขาวกางปีกโบยบิน จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าปราสาทฮาคุโระ (หรือปราสาทชิราซากิ ซึ่งแปลว่า “นกกระสาขาว”) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี 1993
ปราสาทชิราซากิไม่เพียงภายนอกจะงดงาม แต่เมื่อเข้าไปในนิชิโนะมารุและเท็นชุคาคุ (ป้อมปราสาท สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของปราสาท) ที่อยู่ในบริเวณปราสาทนั้น จะยิ่งประทับใจมากขึ้น
เนื่องจากมีอะไรให้ดูมากมายจึงควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงในการชมและถ่ายภาพปราสาท ท่านที่มาเยี่ยมชมครั้งแรกควรเข้าร่วมทัวร์ชมปราสาท (ที่มีไกด์พูดภาษาอังกฤษ) เพื่อชื่นชมเสน่ห์ของที่นี่อย่างเต็มที่
ปราสาทฮิเมจิเดินจากสถานีฮิเมจิตรงไปทางเหนือราว 20 นาที จะผ่านโชเท็นไก (ย่านการค้า) ที่มีถนนสายหลักและชอปปิงอาเขต (ทางเดินที่มีหลังคา) นอกจากนี้ยังมีรถบัสวิ่งจากหน้าสถานีรถไฟไปยังปราสาทด้วย
รับประทานมื้อเที่ยงสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่คาเฟ่ Wacca กัน
หลังจากเที่ยวปราสาทฮิเมจิแล้ว ให้เดินเล่นไปตามมิยูกิโดริโชเท็นไก (Miyuki-Dori Shopping Street) ย่านการค้าที่มีเสน่ห์ของฮิเมจิซึ่งอยู่ทางด้านใต้ของปราสาท แวะมาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและเติมพลังที่คาเฟ่ Wacca (วักกะ) และขอแนะนำคาเฟ่แห่งนี้แก่ผู้ที่ต้องการเพลิดเพลินกับอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับดั้งเดิมในคาเฟ่บรรยากาศที่ผ่อนคลายด้วยเช่นกัน
ชั้น 2 และ 3 ปูด้วยเสื่อทาทามิ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เมนูที่คาเฟ่ Wacca เป็นอาหารญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิมที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน มีรสชาติกลมกล่อมอร่อยลงตัว
ยิ่งถ้าเดินเล่นรอบฮิเมจิในชุดกิโมโน ก็จะยิ่งทำให้ทริปท่องเที่ยวนี้พิเศษมากขึ้น รอบๆ ฮิเมจิและมิยูกิโดริมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่หลายร้านเลย
เดินเล่นในโคโคะเอ็น เพลิดเพลินกับช่วงเวลาหรูหราในสวนญี่ปุ่นกัน
ส่วนช่วงบ่าย แวะไปสัมผัสความงามของสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่โคโคะเอ็นกัน สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับปราสาทฮิเมจิ และจากจุดชมวิวสวยในสวนสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของปราสาทฮิเมจิได้ สวนแห่งนี้มีความงดงามในทุกฤดูกาล ดังนั้นจึงสามารถมาเพลิดเพลินกับความงดงามที่แตกต่างได้ตลอดทั้งปี
โคโคะเอ็นเป็นพื้นที่ซึ่งสามารถเรียนรู้พืชพันธุ์และรูปแบบสวนสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นต่างๆ เช่น ดงไผ่สีเขียวสดใส สระน้ำที่มีปลาคาร์ปหลากสีสัน และสวนที่รวมพันธุ์พืชจากสมัยเอโดะ (ปี 1603 – 1868) ไว้
หากต้องการเพลิดเพลินกับชาเขียวมัทฉะและขนมหวาน ลองแวะไปที่โซจูอัน (Souju-an) ห้องพิธีชงชาแบบดั้งเดิมในบริเวณโคโคะเอ็นดู ที่นี่สามารถลิ้มรสขนมหวานตามฤดูกาลและชมสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจากห้องพิธีชงชาได้
จะใช้เวลาเดินชมสวนและถ่ายรูปที่โคโคะเอ็นราว 1 ชั่วโมง แต่หากต้องการพักผ่อนคลายเหนื่อยในขณะที่เพลิดเพลินกับชาเขียวมัทฉะและวากาชิ (ขนมญี่ปุ่นด้ังเดิม) ในห้องพิธีชงชา ควรเผื่อเวลาไว้สักหน่อย
ที่พักแนะนำในฮิเมจิ
1. SETRE HIGHLAND VILLA HIMEJI ที่สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองฮิเมจิ
SETRE HIGHLAND VILLA HIMEJI (เซเตร ไฮแลนด์ วิลล่า ฮิเมจิ) เป็นโรงแรมอันเงียบสงบตั้งอยู่บนเขาฮิโรมิเนะ (Mt. Hiromine) ใช้เวลานั่งรถชัทเทิลบัสจากสถานีฮิเมจิ (Himeji) ราว 30 นาที พร้อมพรั่งด้วยทัศนียภาพอันงดงามของฮิเมจิและทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) ห้องพักสะดวกสบายมีสไตล์ และอาหารอร่อย จึงเป็นที่พักแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เวลายามค่ำคืนอันเงียบสงบ
มีสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมครบครัน เช่น ห้องทำสมาธิ ห้องอาบน้ำแบบดั้งเดิม และดาดฟ้าสไตล์ดาดฟ้าเรือที่สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มีห้องเสื่อทาทามิ ที่นี่ยังมีการออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นที่โดดเด่นด้วย
อาหารของที่ SETRE HIGHLAND VILLA HIMEJI ยังยอดเยี่ยมมากๆ ด้วย ขอแนะนำให้จองอาหารค่ำตอนเข้าพัก ห้องอาหารของโรงแรมให้บริการอาหารแบบคอร์สที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นกับตะวันตกโดยใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อในท้องถิ่นอย่างโซเม็ง ตลอดจนสาเกท้องถิ่นที่มีให้เลือกมากมาย สำหรับท่านที่มีข้อจำกัดด้านอาหารหรือแพ้อาหาร กรุณาแจ้งทางโรงแรมล่วงหน้า
คลิกที่นี่เพื่อจองห้องพักในเว็บไซต์ทางการของ SETRE HIGHLAND VILLA HIMEJI
2. YUMENOI ออนเซ็นเรียวกัง
ท่านที่ต้องการสัมผัสประการณ์การพักเรียวกังออนเซ็นแบบดั้งเดิม ต้องมาพักที่ YUMENOI (ยูเมะโนอิ) ที่สามารถเพลิดเพลินกับบ่อน้ำพุร้อนประเภทต่างๆ และอาหารรสเลิศระดับพรีเมื่ยม
ห้องพักปูเสื่อทาทามิแบบดั้งเดิมพร้อมบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง สามารถนอนแช่น้ำพุร้อนชมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและธรรมชาติโดยรอบได้
อาหารค่ำที่ YUMENOI เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิ (อาหารฟูลคอร์สสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น) สุดหรู อาหารแต่ละจานใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น อาหารทะเลสดๆ จากทะเลในเซโตะ ผักออร์แกนิก และสาเกท้องถิ่นฮาริมะในฮิเมจิ ปรุงและจัดจานอย่างพิถีพิถัน สร้างสรรค์เป็นอาหารอร่อยจานสวยสุดหรู ท่านที่มีข้อจำกัดด้านอาหารหรือแพ้อาหาร กรุณาแจ้งทางโรงแรมล่วงหน้า
คลิกที่นี่เพื่อจองห้องพักในเว็บไซต์ทางการของ YUMENOI
เส้นทางแนะนำวันที่ 2
ขึ้นเขาโชชะด้วยกระเช้าลอยฟ้ากัน
เขาโชชะ (Mt. Shosha) ที่สูง 371 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งพร้อมสัมผัสประวัติศาสตร์ของฮิเมจิ สามารถไปถึงยอดเขาได้ภายในไม่กี่นาทีด้วยกระเช้าลอยฟ้า บนยอดเขาสามารถมองเห็นเมืองฮิเมจิและที่ราบฮาริมะได้ และในวันที่อากาศแจ่มใสยังมองเห็นทะเลในเซโตะได้ด้วย
ท่านที่อยากออกกำลัง ลองปีนเขาแทนการใช้กระเช้าลอยฟ้า ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง กรุณาเตรียมน้ำและรองเท้าที่เหมาะกับเดินไว้ล่วงหน้ากันด้วยนะ
มีรถบัสจากสถานีฮิเมจิไปถึงชานชาลากระเช้าลอยฟ้าที่เชิงเขาโชชะ ให้ขึ้นรถบัสหมายเลข 8 จากป้ายรถบัสหมายเลข 10 ทางด้านเหนือของสถานี JR ฮิเมจิ (JR Himeji) ไปลงป้ายสุดท้ายที่ป้าย Mt. Shosha Ropeway (ราว 30 นาที) รถบัสมีจำนวนจำกัด ดังนั้นกรุณาตรวจสอบตารางเวลาก่อนออกเดินทาง
ไปเพลิดเพลินกับธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่วัดเอ็นเกียวจิกัน
วัดเอ็นเกียวจิ (Engyoji Temple) ตั้งอยู่บนเขาโชชะ วัดพุทธอันเงียบสงบแห่งนี้รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ในฤดูใบไม้ร่วงนักท่องเที่ยวจะได้รับการต้อนรับด้วยป่าที่แต่งแต้มไปด้วยใบไม้สีแดงและสีเหลืองอันงดงาม
วัดเอ็นเกียวจิมีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี พระพุทธรูปและอาคารบางส่วนของที่นี่ได้รับการกำหนดให้เป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น เมื่อก้าวเข้าไปในบริเวณวัด จะสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องมหาบุรุษซามูไร (The Last Samurai) ทำให้ที่นี่เป็นวัดที่แฟนภาพยนตร์อยากมาเยือนกันมากๆ
วัดแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง ดังนั้นควรสวมรองเท้าที่เดินสบาย นอกจากนี้ยังมีรถชัทเทิลบัส แต่สามารถเดินชมพระพุทธรูปขนาดเล็ก (จิโซ) ได้ ดังนั้นหากมีเวลาและกำลังกายเพียงพอ ขอแนะนำให้เดินจากสถานีซันโจ (Sanjyo) ของกระเช้าลอยฟ้าเขาโชชะ (Mt. Shosha Ropeway)
สำหรับมื้อกลางวันหลังเดินเล่นรอบๆ บริเวณวัดแล้ว ขอแนะนำโชจินเรียวริแบบดั้งเดิม (อาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากศาสนาพุทธ ไม่ใช้เนื้อสัตว์และพืชผักรสจัด) ซึ่งได้รับมิชลินสตาร์ (MICHELIN Star) จัดเสิร์ฟอาหารหลายชนิดบนเครื่องเขินสีแดงสดสวยงาม สำหรับโชจินเรียวริต้องจองล่วงหน้า (ทางโทรศัพท์)
รอบๆ สถานีฮิเมจิยังมีร้านอาหารมากมาย เช่น อาหารทะเล ฮิเมจิโอเด้ง และอื่นๆ สามารถใช้บริการก่อนมาวัดเอ็นเกียวจิและเขาโชชะได้
ดื่มด่ำกับศิลปะญี่ปุ่นที่หอศิลป์ประจำเมืองฮิเมจิ
หอศิลป์ประจำเมืองฮิเมจิ (Himeji City Museum of Art) ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทฮิเมจิ ทำให้เป็นสถานที่ซึ่งสะดวกสบายในการแวะชมก่อนหรือหลังเที่ยวชมรอบๆ ปราสาทฮิเมจิ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดเมื่อปี 1983 เพื่อเผยแพร่ศิลปะไปสู่ชุมชนท้องถิ่น ปัจจุบันเป็นที่รู้จักจากการจัดนิทรรศการผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่น รวมถึงศิลปินร่วมสมัยชื่อดัง นอกจากนี้ยังมีผลงานมากมายของศิลปินชาวตะวันตกด้วย
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในอาคารอิฐสีแดงซึ่งเคยใช้เป็นโกดังสินค้าในสมัยเมจิ (ปี 1868 – 1912) และจากนั้นใช้เป็นที่ทำการอำเภอ นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมจัดแสดงอยู่สวนระหว่างอาคารพิพิธภัณฑ์ด้วย สามารถดื่มด่ำความงดงามได้ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์
ไปหาซื้อของฝากจากฮิเมจิกัน
ความสุขสุดยอดอย่างหนึ่งในการเที่ยวญี่ปุ่นคือการได้ซึ้อของฝากหรือของที่ระลึก
ฮิเมจิมีร้านค้าจำหน่ายของฝากที่มีเอกลักษณ์มากมาย โดยเฉพาะที่มิยูกิโดริโชเท็นไกซึ่งเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างปราสาทฮิเมจิกับสถานี JR ฮิเมจิ ที่นี่มีร้านค้าเรียงรายอยู่มากมาย เนื่องจากเป็นย่านการค้าในร่มที่มีหลังคา ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของฝากและชอปปิงได้โดยไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศ
ท่านที่ต้องการชอปปิงก่อนขึ้นรถไฟชินคันเซ็น มีร้านต่างๆ อย่างบันซังกัน (Bansankan) และ piole HIMEJI Omiyage-kan (พิโอเร่ฮิเมจิ โอมิยาเกกัง) ซึ่งมีสินค้าให้เลือกมากมาย เช่น ขนมวากาชิของท้องถิ่น งานหัตถกรรมพื้นบ้านอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องหนังฮิเมจิ และของฝากที่มีตัวการ์ตูนชิโรมารุฮิเมะซึ่งเป็นมาสคอตสุดน่ารักของปราสาทฮิเมจิ เมื่อสิ้นสุดทริปเดินทางก็ไปสนุกกับการชอปปิงในฮิเมจิกันนะ
มาสร้างความทรงจำสุดประทับใจในฮิเมจิกัน
ฮิเมจิคือขุมสมบัติแห่งความงามและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถเพลิดเพลินได้ หากต้องการเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ของเมืองรอบปราสาทแห่งนี้อย่างเต็มที่ควรใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน ฮิเมจินั้นเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ แม้จะใช้เวลาแค่ 2 วัน 1 คืนก็ทำให้รู้สึกอยากกลับมาอีก
*เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ