ตัวอย่างคอร์สเที่ยวฮิเมจิ 3 วัน 2 คืน ไปเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมดั้งเดิมและธรรมชาติในฮิเมจิกัน
เมืองฮิเมจิเป็นเมืองรอบปราสาทที่มีปราสาทฮิเมจิเป็นศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยทะเลและภูเขา จึงเต็มไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บทความนี้ขอแนะนำ 2 ตัวอย่างคอร์สเที่ยวฮิเมจิแบบ 3 วัน 2 คืน
INDEX
เพลิดเพลินกับธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นในฮิเมจิ
ฮิเมจิ (Himeji) มีจุดที่น่าสนใจมากมายซึ่งผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นสามารถเพลิดเพลินได้ เช่น ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันประณีต และอิเอชิมะ เกาะห่างไกลที่สามารถเพลิดเพลินกับการปั่นจักรยานท่ามกลางทิวทัศน์อันเงียบสงบของทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) ได้
ดังนั้น บทความนี้ขอแนะนำตัวอย่างเที่ยวฮิเมจิแบบ 3 วัน 2 คืนด้วยกัน 2 คอร์ส ได้แก่ คอร์สเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมดั้งเดิม และคอร์สเพลิดเพลินกับธรรมชาติ
พร้อมทั้งอาหารฮิเมจิรสเลิศที่เหมาะกับมื้อเช้าและมื้อกลางวัน กิจกรรมร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในฮิเมจิ และที่พักแนะนำ
คอร์สเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมดั้งเดิม
วันที่ 1 จุดท่องเที่ยวรอบๆ สถานีฮิเมจิ
วันแรกเราแวะไปสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ สถานีฮิเมจิซึ่งเดินทางมาได้ง่ายกันก่อน
ปราสาทฮิเมจิซึ่งมีสมบัติชาติและมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นมากมาย เป็นสถาปัตยกรรมไม้แห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่า ที่นี่คือปราสาทชื่อดังระดับประเทศของญี่ปุ่นและเป็นสถานที่น่าสนใจอันดับ 1 ของฮิเมจิ
อาคารต่างๆ ของปราสาทฮิเมจิเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจมากมาย เช่น เท็นชุคาคุหรือป้อมปราสาท (*1) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของปราสาทญี่ปุ่น และกระเบื้องมุงหลังคาที่มีตราประจำตระกูลของผู้ปกครองปราสาทรุ่นต่างๆ
การเดินรอบปราสาทฮิเมจิพร้อมไกด์นำเที่ยวที่พูดภาษาอังกฤษ จะทำให้เข้าใจถึงเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ได้
* 1: เท็นชุคาคุ…เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในปราสาทญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำปราสาท
หลังจากดื่มด่ำกับเสน่ห์ของปราสาทฮิเมจิแล้ว ก็แวะไปรับประทานอาหารเย็นที่นาดากิกุชุโซ (NADAGIKU SHUZO) กัน
NADAGIKU SHUZO ก่อตั้งเมื่อปี 1910 และดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 110 ปี เป็นผู้ผลิตสาเกญี่ปุ่นที่ผลิตและจำหน่ายสาเกท้องถิ่นซึ่งใช้วัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี อย่างน้ำและข้าวที่ผลิตในท้องถิ่น
ที่นี่มีกิจกรรมทัวร์ชมโรงกลั่นสาเกที่สามารถเรียนรู้การผลิตสาเก เช่น การเข้าชมโรงกลั่นสาเกไม้เก่าแก่ที่อยู่มานานตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทซึ่งเคยใช้ผลิตสาเกของญี่ปุ่น และการทดลองชิมสาเกมากกว่า 10 ชนิด
ที่นี่ยังมีมาเอกุระ (MAEGURA) (*2) ร้านอาหารซึ่งยังคงบรรยากาศแบบญี่ปุ่นสมัยก่อนไว้ สามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่เข้ากับสาเกได้ดี เช่น กิวนาเบะ (หม้อไฟเนื้อวัว)
* 2: มาเอกุระ…อาหารมื้อเย็นต้องจองล่วงหน้า 1 วัน
วันที่ 2 สัมผัสสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นและเทคนิคดั้งเดิม
วัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิ (Shoshazan Engyoji Temple) เป็นวัดที่สร้างขึ้นบนยอดเขาโชชะ (Mt. Shosha) เมื่อราว 1,000 ปีก่อน
ที่นี่มีวิหารมานิเด็น (Maniden) ซึ่งสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “คาเคะซึคุริ” เช่นเดียวกับวัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple) ในเกียวโต ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมหาได้ยากแม้แต่ในญี่ปุ่นซึ่งสร้างขึ้นบนทางลาดชันของภูเขา
นอกจากนี้ ที่จูเรียวอิน (Juryo-in) อาคารที่สร้างขึ้นในช่วงกลางของสมัยเอโดะ (ปี 1603 – 1868) ยังสามารถเพลิดเพลินกับโชจินเรียวริ (*3) ซึ่งได้รับมิชลินสตาร์ 1 ดาว การรับประทานอาหารในสถานที่ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานราว 1,600 ปี จึงถือเป็นประสบการณ์อันมีค่ายิ่ง
* 3: โชจินเรียวริ…อาหารที่ทำจากวัตถุดิบประเภทผัก เต้าหู้ และงาเป็นหลัก โดยไม่ใช้เนื้อสัตว์หรือปลาที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าสัตว์
อนึ่ง จูเรียวอินหยุดให้บริการโชจินเรียวริชั่วคราว แต่มีกำหนดเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนเมษายน 2023 กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)
บริษัท โคโยเซกะ จำกัด (Koyoseiga Co., Ltd.) เป็นบริษัทที่มีส่วนร่วมในการผลิตกระเบื้องมุงหลังคาสำหรับศาลเจ้าและวัดหลายแห่งรวมถึงปราสาทฮิเมจิ
ที่นี่จัดกิจกรรมเวิร์คชอปที่สามารถเพลิดเพลินกับการทำกระเบื้องและสัมผัสประสบการณ์งานฝีมือจากดินเหนียวได้แบบง่ายๆ สบายๆ ภายใต้การแนะนำจากช่างฝีมือของ Koyoseiga Co., Ltd. ที่มีทักษะสูง
สามารถลองสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เช่น ชาจิโฮโกะ (*4) ที่อยู่บนหลังคาเท็นชุคาคุของปราสาทฮิเมจิ ด้วยมือของเราเอง และเรียนรู้เกี่ยวกับความยอดเยี่ยมและความยากลำบากในการทำงานฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นผ่านประสบการณ์จริง
* 4: ชาจิโฮโกะ…ว่ากันว่า เป็นสัตว์ในตำนานครึ่งปลาคาร์ปครึ่งเสือ ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องปราสาทจากอัคคีภัย
พิพิธภัณฑ์ของเล่นญี่ปุ่น (Japan Toy Museum) ของเมืองฮิเมจิ เป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นที่ได้รับมิชลินกรีนไกด์เจแปนระดับ 2 ดาว อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งควรค่าแก่การแวะไปเยี่ยมชมเมื่อมาเที่ยวที่เมืองฮิเมจิ
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวที่เก็บของเล่นมากมายราว 90,000 ชิ้น เช่น ของเล่นและตุ๊กตาดั้งเดิมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและสุนทรียะความงามแบบญี่ปุ่นจากแต่ละท้องถิ่นทั่วญี่ปุ่น รวมถึงของเล่นจาก 160 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก ยังสามารถชมนิทรรศการตามฤดูกาลและนิทรรศการพิเศษได้ด้วย
หลังจากชมการจัดแสดงที่มีเอกลักษณ์ซึ่งจัดแสดงตามยุคสมัยและภูมิภาคแล้ว ก็เป็นความคิดที่ดีหากจะแวะไปซื้อของฝากที่ร้านพิพิธภัณฑ์ที่จำหน่ายของเล่นดั้งเดิมของญี่ปุ่น
วันที่ 3 ไปดูปราสาทฮิเมจิท่ามกลางแสงแดดยามเช้ากัน
ท่านที่ต้องการเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมเมืองฮิเมจิจนถึงวันสุดท้าย ลองไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวนโอโตโกยามะไฮซุยอิเคะ (Otokoyama Haisuiike Park) ที่สามารถมองเห็นปราสาทฮิเมจิดู
สวนโอโตโกยามะไฮซุยอิเคะตั้งอยู่บนเนินเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของเท็นชุคาคุของปราสาทฮิเมจิ เป็นจุดชมทิวทัศน์สวยที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามเหมือนความฝันของปราสาทฮิเมจิท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า
สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่นี่ได้ตลอดทั้งปี แต่ฤดูที่ดีที่สุดคือฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์จะขึ้นในตำแหน่งที่สวยงามที่สุด ภาพลักษณ์ของปราสาทซึ่งไม่สามารถพบเห็นได้ในการเที่ยวชมปราสาทฮิเมจิทั่วไปนั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การชม
หลังจากตื่นแต่เช้าตรู่และไปชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าแล้ว ก็แวะไปลิ้มรส “ขนมปังปิ้งเนยอัลมอนด์” อาหารอร่อยรสเลิศที่ขึ้นชื่อของฮิเมจิ ที่ทาเนยอัลมอนด์แบบจัดเต็มเป็นอาหารเช้ากัน
ขอแนะนำร้าน Cafe de Monsieur (คาเฟ่เดอมองซิเออร์) ซึ่งว่ากันว่า เป็นร้านแรกในญี่ปุ่นที่เป็นต้นตำรับการทำเนยอัลมอนด์
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในร้านที่ให้บริการเมนูสุดพิเศษเฉพาะของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “โปรโมชั่นอาหารเช้าสุดคุ้ม” ซึ่งสามารถลิ้มรสอาหารเช้าในราคาสุดคุ้มเฉพาะในช่วงเช้า หากสั่งกาแฟ 1 แก้ว จะได้รับขนมปังปิ้งเนยอัลมอนด์ เมนูไข่ และสลัด มารับประทานฟรี
คอร์สเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติ
วันที่ 1 ไปชมธรรมชาติที่สวยงามและสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นกัน
วันแรกเราจะแวะไปเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามซึ่งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นทักทอขึ้นมากัน
ปราสาทฮิเมจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากลักษณะของปราสาทคล้ายนกกระสาสีขาวกางปีกพร้อมโบยบิน จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ปราสาทฮาคุโระ (หรือปราสาทชิราซากิ ซึ่งแปลว่า “นกกระสาขาว”)
ปราสาทฮิเมจิแห่งนี้ยังเป็นจุดท่องเที่ยวที่สามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ในฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระรอบปราสาทราว 1,000 ต้นจะบานสะพรั่ง ทำให้สามารถชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามแบบญี่ปุ่นที่ปราสาทฮิเมจิและดอกซากุระสร้างสรรค์ขึ้นได้
ท่านที่ชื่นชอบธรรมชาติ ต้องลองแวะไปโคโคะเอ็น (Koko-en Garden) สวนญี่ปุ่นในสวนฮิเมจิ (Himeji Park)
สามารถสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่น ขณะที่รับประทานอาหารหรือดื่มชา พร้อมเพลิดเพลินกับทิวทัศน์สวนที่ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติกันแบบจัดเต็ม
เมื่อมาที่ปราสาทฮิเมจิ อย่าลืมแวะวัดโชชาซัง เอ็นเกียวจิด้วยล่ะ
วัดเอ็นเกียวจิเป็นวัดที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นบนยอดเขาโชชะ ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ ทำให้ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวที่รู้จักกัน โดยเฉพาะในฐานะสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องมหาบุรุษซามูไร (The Last Samurai) ที่นำแสดงโดย ทอม ครูซ
สามารถขึ้นไปบนยอดเขาได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้าหรือจะเดินป่าปีนเขาขึ้นไปราว 1 ชั่วโมงก็ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ก็สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามในฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้ของหมู่แมกไม้รอบๆ ภูเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีส้มได้
ภายในบริเวณวัดอบอวลไปด้วยบรรยากาศขลังๆ ดูลึกลับ สามารถชมวิหารมานิเด็นที่เต็มไปด้วยพลังซึ่งชวนให้นึกถึงวัดคิโยมิซุเดระในเกียวโต และยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ฮานาบิระชาเคียว (คัดลอกพระสูตรบนกลีบดอกไม้) ที่ช่วยฝึกสมาธิด้วยการเขียนอักษรญี่ปุ่นได้
วันที่ 2 ไปเพลิดเพลินกับการเที่ยวเกาะห่างไกลโดยนั่งเรือไปแค่ 30 นาทีกัน
วันที่ 2 เราจะลองนั่งเรือไปเที่ยวเกาะห่างไกลกัน
จากฮิเมจินั่งเรือราว 30 นาทีก็จะถึงหมู่เกาะอิเอชิมะ (Ieshima Islands) ซึ่งประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ 44 เกาะ เช่น เกาะอิเอชิมะ (Ieshima) จุดท่องเที่ยวยอดฮิตที่สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติอันเงียบสงบของทะเลในเซโตะ
นอกจากจะสามารถเช่าจักรยานปั่นตระเวนไปรอบเกาะ เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายของหมู่บ้านชาวประมง ชมทิวทัศน์ทะเลในเซโตะจากคันคันโจโบ (Kankan Chobo) จุดชมทิวทัศน์สวยงามบนเกาะอิเอชิมะ หรือไปสนุกกับกิจกรรมต่างๆ อย่างพายเรือแคนู ในช่วงเดือนพฤษภาคมยังจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามเหมือนความฝันของหิ่งห้อยฮิเมะที่โบยบินไปมาด้วย
หมู่เกาะอิเอชิมะคือขุมสมบัติของอาหารทะเลซึ่งมีปริมาณการจับได้มากที่สุดในทะเลในเซโตะ ดังนั้น ขอแนะนำให้มาลิ้มลองอาหารทะเลเลิศรสของที่นี่กัน
วันที่ 3 ไปเพลิดเพลินกับธรรมชาติและชอปปิงจนนาทีสุดท้ายก่อนออกเดินทางกัน
วันสุดท้ายเราจะไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของสวนกุหลาบที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของฮิเมจิ
สวนกุหลาบฮิเมจิ (Himeji Rose Garden) ซึ่งสามารถนั่งรถไฟจากสถานีฮิเมจิราว 30 นาทีไปได้ เป็นจุดชมดอกไม้ที่มีดอกกุหลาบราว 800 สายพันธุ์ 3,500 ต้นบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
ขอแนะนำให้มาสนุกกับการถ่ายภาพสวยๆ ในสวนกุหลาบที่มีดอกกุหลาบหลากสีบานสะพรั่งแห่งนี้กัน
นอกจากนี้บนโต๊ะในสวนที่รายล้อมไปด้วยดอกกุหลาบนี้ ก็ยังสามารถลิ้มลองเมนูต่างๆ เช่น โปรโมชั่นอาหารเช้าสุดคุ้ม อาหารกลางวัน รวมทั้งของหวานและเครื่องดื่มที่ใช้ดอกกุหลาบ ซึ่งให้บริการในจำนวนจำกัดได้
สิ่งที่ไม่ควรพลาดในการท่องเที่ยวก็คือการซื้อของฝากและการชอปปิง
สถานีฮิเมจิมีจุดที่จำหน่ายของฝากมากมาย เช่น บันซังกัน (Bansankan) และ piole HIMEJI Omiyage-kan สามารถเพลิดเพลินกับการชอปปิงจนนาทีสุดท้ายก่อนออกเดินทางได้เลย
ในฮิเมจิที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และอยู่ติดทะเลในเซโตะแห่งนี้ ของฝากแนะนำเลยก็คือคามาโบโกะซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปเนื้อปลาบดที่ขึ้นชื่อของที่นี่
นอกจากนี้ขอแนะนำสาเกที่ใช้ข้าวสายพันธุ์ยามาดะนิชิกิ ข้าวพันธุ์ดีที่ใช้ทำสาเกซึ่งเก็บเกี่ยวในพื้นที่ฮาริมะซึ่งมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยพื้นที่ฮิเมจิและบริเวณโดยรอบ และยังเป็นสาเกที่เข้ากันได้ดีกับคามาโบโกะด้วย
พักที่โรงแรมใกล้สถานีฮิเมจิซึ่งสะดวกต่อการท่องเที่ยวกัน
สำหรับท่านที่ต้องการเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมเมืองฮิเมจิแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขอแนะนำให้พักที่โรงแรมใกล้สถานีฮิเมจิ (Himeji) ซึ่งสะดวกต่อการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
HOTEL CLAIR HIGASA โรงแรมเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 70 ปี เดินจากสถานีฮิเมจิมาได้เพียง 5 นาที และเดินจากปราสาทฮิเมจิมาได้เพียง 10 นาที ที่นี่สามารถนอนแช่น้ำร้อนในห้องอาบน้ำขนาดใหญ่พร้อมชมวิว และพักค้างคืนในห้อง Japanese concept room ที่สามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศแบบญี่ปุ่นได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีโรงแรมแนะนำอื่นๆ เช่น Hotel Monterey Himeji ซึ่งเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีฮิเมจิ และมีห้องพักที่สามารถชมทิวทัศน์ของปราสาทฮิเมจิได้, Hotel Nikko Himeji ซึ่งเดินจากสถานีฮิเมจิมาแค่ 1 นาที และ Himeji Castle Grandvrio Hotel ที่มีน้ำบ่อพุร้อนขนาดใหญ่
บทส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับตัวอย่างคอร์สเที่ยวรอบฮิเมจิ 2 คอร์สซึ่งจะได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและเสน่ห์ของธรรมชาติกันแบบจัดเต็ม
ฮิเมจิยังมีอาหารเลิศรสชื่อดังและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่สามารถแนะนำได้ในบทความนี้ ดังนั้นขอแนะนำให้มาพักและเที่ยวชมที่นี่กันอย่างน้อยสัก 2 – 3 คืนกัน
ลองนำบทความนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงแล้วไปสนุกกับการท่องเที่ยวฮิเมจิกันนะ
เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ